World Congress เป็นศูนย์ให้บริการด้านการแปลภาษาญี่ปุ่นชั้นนำอันดับหนึ่งในประเทศไทย บริการแปลภาษาญี่ปุ่นโดยเฉพาะ มีความเชี่ยวชาญในการแปลเอกสาร มุ่งเน้นสร้างสรรค์และเสนอผลงานที่มีคุณภาพด้วยราคาสมเหตุสมผล

นอกจากนี้ทางบริษัทของ World Congress ยังบริการจัดหาพนักงานให้แก่บริษัทคนไทยและต่างชาติในประเทศไทยที่ต้องการบุคลากรที่มีความสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วย เนื่องจากบริษัทของ World Congress มีการติดต่อสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับสังคมญี่ปุ่น World Congress จึงสามารถรับประกันได้ว่าบุคลากรที่ World Congress จัดหานั้นมีมาตรฐานและมีความกระตือรือร้นในการทำงาน

World Congress รับแปลเอกสารทุกประเภท ทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

นอกจากที่กล่าวข้างต้น ทาง World Congress ยังมีการจัดสอนภาษาญี่ปุ่นให้กับผู้สนใจทั้งที่สำนักงานของ World Congress และสำนักงานของลูกค้าด้วย

สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 093-579-8766

แปลภาษาญี่ปุ่น

แปลเอกสารภาษาญี่ปุ่น

World Congress พร้อมให้บริการงานแปลภาษาญี่ปุ่นโดยนักแปลระดับแนวหน้า โดยมอบหมายงานแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยให้นักแปลชาวไทย และมอบหมายงานแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่นให้นักแปลชาวญี่ปุ่นเป็นผู้รับผิดชอบ

ทางบริษัทพร้อมรองรับงานแปลในสาขาหลากหลาย เช่น หนังสือสัญญา เอกสารภายในบริษัท มาตรฐานโรงงาน และจดหมาย เป็นต้น

คำถามและคำตอบ (FAQ)

แปลเอกสารภาษาญี่ปุ่น
  • เกี่ยวกับค่าบริการงานแปล
  • เกี่ยวกับระยะเวลาในการแปล
  • เกี่ยวกับวิธีใช้บริการแปล

  • คำถามและคำตอบทั่วๆไป (FAQ) เกี่ยวกับงานแปลภาษาญี่ปุ่น

    หากมีข้อสงสัยอื่นๆ กรุณาสอบถามทางอีเมลหรือโทรศัพท์



    ประวัติศาสตร์ของภาษาญี่ปุ่น

    ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาเอเชียตะวันออก มีผู้ใช้กว่า 125 ล้านคน โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติของญี่ปุ่นด้วย เป็นสมาชิกในตระกูลภาษา Japonic ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับภาษาอื่นในกลุ่ม โดยเฉพาะภาษาเกาหลี และยังเป็นที่ถกเถียงถึงความเกี่ยวข้องกับภาษาในตระกูล Altaic ประวัติศาสตร์ของภาษาญี่ปุ่นไม่เป็นที่แน่ชัด และไม่รู้ว่าเริ่มปรากฎในญี่ปุ่นเมื่อใด เอกสารของจีนในช่วงศตวรรษที่ 3 มีการบันทึกคำในภาษาญี่ปุ่นไว้เล็กน้อย แต่หนังสือที่เป็นลายลักษณ์อักษรไม่ปรากฎจนกระทั่งช่วงศตวรรษที่ 8 ในช่วงสมัยเฮอัน ภาษาจีนมีบทบาทเป็นอย่างมากต่อคำศัพท์และระบบเสียงของภาษาญี่ปุ่นสมัยโบราณ จะเห็นได้ว่าช่วงกลางของญี่ปุ่น มีการเปลี่ยนแปลงของภาษา ทำให้มีความใกล้เคียงกับภาษาในสมัยใหม่ รวมถึงการเริ่มใช้คำทับศัพท์จากภาษาทางยุโรป ในสมัยใหม่ของญี่ปุ่น ภาษาพื้นฐานได้เปลี่ยนจากภาษาของภูมิภาคคันไซมาสู่ภูมิภาคเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) ตามด้วยการสิ้นสุดการปิดประเทศของญี่ปุ่นในปี 1853 ทำให้คำทับศัพท์จากภาษาทางยุโรปเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ ทำให้คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่มีรากศัพท์จากภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาคำติดต่อ ใช้โมระนับคำ มีระบบเสียงที่เรียบง่าย เป็นระบบสระเต็มตัว มีสระพื้นฐาน พยัญชนะ และสำเนียงมีผลต่อความหมายของคำ ลำดับคำโดยปรกติจะเป็น ประธาน-กรรม-กริยา โดยมีคำช่วยคอยบอกหน้าที่ของคำ รูปแบบประโยคคือ หัวเรื่อง-ส่วนขยาย ประโยค-คำช่วยท้ายประโยค จะใช้เพื่อขยายอารมณ์ความรู้สึกหรือเพื่อเน้น หรือเพื่อถาม คำนามไม่มีจำนวนหรือเพศตามหลักไวยกรณ์ และไม่มีคำนำหน้า คำกริยาต้องผันตามกาลและรูปแบบภาคแสดง ไม่ต้องผันตามบุคคล แต่ต้องผันคำคุณศัพท์ด้วย ภาษาญี่ปุ่นมีระบบยกย่องจากรูปกริยาและคำศัพท์ ที่แสดงความเกี่ยวข้องของผู้พูดกับผู้ฟังและผู้ที่ถูกกล่าวถึงได้ ภาษาญี่ปุ่นไม่มีความเกี่ยวข้องด้านพันธุกรรมกับภาษาจีน แต่มีการใช้ตัวอักษรจีนอย่างกว้างขวาง หรือเรียกว่า "คันจิ" ในระบบภาษาญี่ปุ่น และคำศัพท์จำนวนมากได้ยืมมาจากภาษาจีน นอกจากคันจิ ระบบเขียนของภาษาญี่ปุ่นใช้ตัวอักษรสองแบบเป็นหลัก ได้แก่ ฮิรากานะ และคาตาคานะ ตัวอักษรภาษาอังกฤษใช้อย่างจำกัดเท่านั้น เช่น ตัวย่อ ส่วนระบบจำนวนจะใช้เลขอารบิกควบคู่กับเลขภาษาจีนเป็นส่วนใหญ่